ประเภทของเนื้อหมู มีกี่ประเภท
มีหลายประเภทของเนื้อหมู โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
- เนื้อหมูสด (Fresh Pork) – เป็นเนื้อหมูที่ไม่ได้ผ่านการประมวลผลหรือส่งเสริมความต้านทาน สามารถใช้ทำอาหารที่ไม่ต้องผ่านการต้ม เช่น ผัด เครื่องจักร ย่าง ทอด เป็นต้นการเลือกซื้อเนื้อหมูสดควรดูว่ามีสีเนียน ไม่มีเลือดและกลิ่นไม่เหม็น สามารถเก็บรักษาได้ไม่นานเท่านั้น ควรนำไปใช้ในเวลาเร็วที่สุด หรือเก็บในตู้เย็นได้ไม่เกิน 2-3 วัน ถ้าต้องการเก็บนานกว่านี้ ควรเก็บในตู้แช่แข็งและแช่ให้ถูกวิธี โดยนำเนื้อออกมาจากห่อพลาสติก และเช็ดแห้งก่อนจัดเก็บ ไม่ควรใช้เนื้อหมูสดที่เลยกำหนดเวลาใช้งานหรือเก็บรักษาเกินกำหนดในการใช้งานด้วยเพราะอาจเป็นเชื้อโรคได้
- เนื้อหมูสุก (Cooked Pork) – เนื้อหมูที่ผ่านการประมวลผลและต้ม และมักจะเตรียมไว้ให้ใช้งานต่อไป เช่น หมูสไลด์ หมูซี่โครง หมูย่าง เป็นต้การตรวจสอบความสุกของเนื้อหมูสุกจะต้องมีการตรวจสอบอุณหภูมิภายในเนื้อว่าถึงอุณหภูมิที่เพียงพอเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจมีอยู่ ควรใช้เครื่องวัดอุณหภูมิเพื่อตรวจสอบ อุณหภูมิที่เหมาะสมของเนื้อหมูสุกคือ 160 องศาฟาเรนไฮต์ หากเนื้อหมูสุกมีสีชมพูและมีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมูนั้น โดยไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูสุกหรือเนื้อหมูสด ต้องเตรียมเนื้อก่อนการใช้งานต่อไปด้วยการล้างให้สะอาดและตัดเอาส่วนที่ไม่พึงประสงค์ออกก่อนการประกอบอาหารด้วย
- เนื้อหมูกรอบ (Cured Pork) – เนื้อหมูที่ผ่านการหมักหรือส่งเสริมความต้านทานเพื่อเพิ่มความอร่อยและอายุการเก็บรักษา เช่น เบคอน แฮม ซาลามิ เป็นต้น เนื้อหมูกรอบหรือ Cured Pork คือเนื้อหมูที่ผ่านการจัดเก็บด้วยเกลือ น้ำตาล และสมุนไพรต่างๆ เพื่อให้เนื้อหมูมีความอร่อยและกลิ่นหอม และยังช่วยให้เนื้อหมูไม่เน่าเสียได้ง่าย วิธีการทำเนื้อหมูกรอบมีหลายวิธี แต่วิธีที่แพร่หลายและรู้จักกันมากคือการใช้เกลือ น้ำตาล สมุนไพร และสารปรุงรสอื่นๆ เพื่อนำไปใช้ในการจัดเก็บเนื้อหมู โดยการใช้เกลือและน้ำตาลจะช่วยให้เนื้อหมูแห้งและยังคงความอร่อยได้นาน ส่วนสมุนไพรและสารปรุงรสอื่นๆ จะช่วยให้เนื้อหมูมีกลิ่นหอมและรสชาติอร่อย
